Talad Noi
“ตลาดน้อย” หรือ “ตะลักเกี้ยะ” เป็นชุมชนที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ถือเป็นตลาดใหม่ที่ขยายพื้นที่มาจากตลาดสำเพ็ง ชาวจีนฮกเกี้ยนหรือจีนแคะเป็นชนกลุ่มแรกๆ ที่เริ่มเข้ามาตั้งรกรากกันในแถบนี้นับตั้งแต่ถนนเจริญกรุงถูกปรับปรุงแปลงโฉมใหม่จนกลายเป็นย่านแห่งความคิดสร้างสรรค์ และการเข้ามาของ TCDC หรือศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ณ อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก ตั้งแต่นั้นมาถนนสายเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ก็แต่งแต้มไปด้วยศิลปะในทุกอณูพื้นที่ มีสตรีทอาร์ตให้เสาะแสวงหาแทบทุกซอย
ในครั้งนี้เราเลือกนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีสะพานตากสิน จากนั้นนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาธงสีส้มรับลมชมวิวเพลินๆ จากท่าเรือสาทรไปสู่ท่าเรือสี่พระยา ทริปเดินชมตลาดน้อยในครั้งนี้จะเริ่มต้นที่ “ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้” แหล่งรวมร้านค้าและงานศิลปะริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มักมีนิทรรศการศิลปะเจ๋งๆ มาให้ชมกันอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นนิทรรศการงานศิลปะของเจ้าพ่อป๊อปอาร์ตระดับโลก “แอนดี วอร์ฮอล” เมื่อปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา
ก่อนจะเริ่มเดินอย่างจริงจังมาแวะเติมพลังงานกันก่อนที่ “เฟิงจู” ร้านเกี๊ยวซ่าสไตล์จีนที่มาพร้อมบานหน้าต่าง ประตูไม้เก่าๆ และผนังร้านที่ปิดทับไว้ด้วยหนังสือพิมพ์ภาษาจีน เลยได้บรรยากาศราวกับอยู่ริมถนนในประเทศจีน ทั้งๆ ที่จริงแล้วตอนนี้เรานั่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมนูเกี๊ยวซ่าที่ยกให้เป็นเมนูแนะนำคือรสชาติดั้งเดิม รสเห็ด 5 อย่าง และรสหม่าล่ามาในชิ้นพอดีคำ เหยาะซอสนิดเดียวก็กินได้เพลินเราสังเกตได้ว่าตลาดน้อยเป็นย่านที่มีร้านซ่อมรถอยู่เต็มไปหมด เกือบครึ่งต่อครึ่งของอาคารบ้านเรือนทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยบรรดาอะไหล่ยวดยานพาหนะหน้าตาประหลาดราวกับอยู่ในภาพยนตร์หุ่นยนต์ และความพิเศษที่เราค้นพบนั้นซุกซ่อนอยู่ในอาคารเก่าหลังหนึ่ง ถัดจากทางเข้าตรอกศาลเจ้าโรงเกือกไปเพียงนิดเดียวเราพบกับภาพวาดบนฝาผนังและตัวหนังสือที่เขียนไว้ว่า “ร้านกาแฟ” แต่เมื่อชะโงกหน้าเข้าไปดู ภาพที่เห็นคือบรรดาอุปกรณ์และอะไหล่รถเรียงรายจนสูงท่วมหัวกับกลิ่นเหม็นหืนของเศษเหล็กและคราบน้ำมัน มีเพียงทางเดินแคบๆ นำไปสู่บันไดไม้เก่าๆ เหยียบแล้วเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
ในนาทีที่พาตัวเองขึ้นไปเหยียบบนชั้น 2 ก็ต้องร้องโอ้โฮ! ออกมา เพราะบรรยากาศนั้นเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยระเบียงไม้แสนอบอุ่น มองเห็นลูกแมวตัวน้อย 2-3 ตัววิ่งเล่นผ่านสายตา ที่นี่คือ “Mother Roaster” ร้านกาแฟที่ซุกซ่อนอยู่อย่างแนบเนียนในชุมชนแห่งนี้ ด้วยความจริงจังเรื่องกาแฟไม่น้อย ในร้านจึงมีตั้งแต่เมนูกาแฟคลาสสิกไปจนถึงกาแฟเย็นผสมน้ำผลไม้ให้ความสดชื่น ที่นี่เราจึงได้ปล่อยใจสบายอารมณ์ นั่งชมบาริสตาค่อยๆ ยืนดริปกาแฟอย่างไม่รีบร้อนหลังจากเดินสำรวจซอกซอยไปเรื่อยๆ เส้นทางเดินแคบๆ ก็พาเรามาพบกับรถเฟียตสีส้มขึ้นสนิมเกรอะกรัง เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของตลาดน้อยที่ไม่ว่าใครมาต้องได้ถ่ายภาพคู่กับรถคันนี้สักครั้ง ความผุพังของมันเข้ากันได้ดีกับพื้นหลังซึ่งเป็นกำแพงอาคารสถาปัตยกรรมจีนโบกปูนที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา มีบางส่วนหลุดออกจนเห็นเป็นโครงสร้างอิฐสีส้ม เราแอบเห็นงานศิลปะรูปแมวหลากหลายท่าทางเกาะอยู่ทั่วทั้งตัวรถ ดูน่ารักเสียจริง พลางนึกขึ้นได้ว่าตลอดทางที่เดินผ่านมาเราเห็นแมวอยู่เต็มไปหมด จนกลายเป็นอีกดาวเด่นประจำชุมชนตีคู่มากับสตรีทอาร์ตรอบๆ เลยล่ะทริปเดินเท้าในคราวนี้สิ้นสุดที่ “สวนศิลป์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์” หรือ “พิพิธภัณฑ์ชุมชนตลาดน้อย” เป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ล่าสุด อดีตโรงกลึงเก่าที่ขณะนี้กลายเป็นอาคารกระจกสะท้อนร่มเงาสีเขียวชอุ่มของไม้ใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในอนาคตพื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์และพื้นที่ชุมชนเอาไว้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ให้ชุมชนตลาดน้อยไม่เงียบเหงา
cr.gourmetandcuisine.com/stories/detail/1116, paikondieow.com/taradnoi/